พาเที่ยวและทำความรู้จักกับ 5 วัดเก่าแก่ในกรุงเทพฯ

พระพุทธศาสนาคือศาสนาประจำชาติไทย และเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของชาวไทยมาช้านาน โดยมีวัดเป็นศาสนสถานสำคัญที่ใช้ประกอบพิธีกรรมและกิจกรรมทางศาสนา ที่สามารถพบได้ในทุกท้องถิ่นของประเทศไทย โดยเฉพาะวัดในกรุงเทพ บนพื้นที่ทางประวัติศาสตร์อันเก่าแก่อย่างเกาะรัตโกสินทร์ ไม่ว่าจะเป็นวัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่ตั้งอยู่ภายในพระบรมมหาราชวัง วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารที่ตั้งอยู่อย่างตระหง่านงดงาม ณ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และวัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร อันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอน อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนแพทย์แผนโบราณและการนวดแผนโบราณ บทความนี้จะพาคุณมาทำความรู้จักกับประวัติและความเป็นมาของ 5 วัดเก่าแก่ในกรุงเทพฯ ที่ทุกท่านต้องมาเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต

1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือที่คนไทยมักเรียกสั้นๆ กันอย่างคุ้นปากว่า “วัดอรุณ” ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ในย่านกรุงธนบุรี เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีเรื่องเล่าขานถึงที่มาของชื่อ “วัดอรุณ” ว่า เมื่อครั้งอยุธยาถูกรุกรานโดยพม่า พระเจ้าตากสิน ซึ่งในขณะนั้นยังทรงดำรงยศเป็นเพียงแม่ทัพ ได้นำกองทัพออกเดินทางสู่อยุธยาเพื่อต่อต้านการรุกรานของศัตรู และได้พบกับวัดแห่งนี้โดยบังเอิญ ในช่วงเวลารุ่งสางพอดิบพอดี กลายเป็นที่มาของชื่อ “วัดอรุณ”

และครั้งหนึ่ง วัดแห่งนี้ยังเคยเป็นที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” ที่อัญเชิญมาจากเมืองเวียงจันทน์แห่งอาณาจักรล้านช้าง หรือประเทศลาวในปัจจุบัน ช่วงยุคพระเจ้าตากสิน และต่อมา เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือรัชกาลที่ 1 ทรงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงมีการอัญเชิญพระแก้วมรกตไปประดิษฐาน ณ วัดพระแก้ว ในปี พ.ศ. 2327

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร จึงนับเป็นวัดในกรุงเทพฯ ที่แสดงถึงความร่ำรวยทางวัฒนธรรมของประเทศไทย และเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
 

2. วัดโพธิ์

วัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นอีกวัดเก่าแก่ในกรุงเทพฯ ที่เริ่มสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) และแล้วเสร็จในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) โดยวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธไสยาสน์ หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม “พระนอน” สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2382 มีความยาวถึง 48 เมตร และความสูง 15 เมตร อีกทั้งยังมีการประดับมุกที่ฝ่าพระบาทเป็นลวดลายของพระพุทธเจ้า จำนวน 108 องค์

นอกจากนี้ วัดโพธิ์ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป จำนวน 1,000 รูป ที่รวบรวมมาจากโบราณสถานทั่วประเทศไทย และยังเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ ภายใต้พระบรมราชโองการของรัชกาลที่ 3 เพื่ออนุรักษ์การแพทย์แผนไทยเอาไว้ ซึ่งในปัจจุบันยังคงเปิดทำการอยู่ภายใต้ชื่อ “โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์)

3. วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว หรือที่รู้จักกันในชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” คือหนึ่งในวัดที่งดงามที่สุดในกรุงเทพฯ และยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ที่แกะสลักด้วยหยกสีเขียวทั้งก้อน เดิมทีพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งต่อมาได้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทร์ ในปี พ.ศ. 2103 โดยพระเจ้าพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 1 แห่งอาณาจักรล้านช้าง และได้ถูกอัญเชิญกลับสู่กรุงธนบุรีไปประดิษฐานที่วัดอรุณ โดยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ซึ่งในขณะนั้นทรงดำรงพระยศเป็น “สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก” หลังได้รับชัยชนะจากการเข้าตีเมืองเวียงจันทน์ ในรัชสมัยของพระเจ้าตากสิน ต่อมาหลังจากที่รัชกาลที่ 1 ทรงปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ และสั่งย้ายเมืองหลวงจากกรุงธนบุรี มายังกรุงเทพมหานคร พระแก้วมรกตได้ถูกอัญเชิญเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อไปประดิษฐาน ณ วัดพระแก้ว ในปี พ.ศ. 2327 มาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากวัดพระแก้ว ยังมี “พระบรมมหาราชวัง” สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน โดยพระราชวังแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นภายใต้พระบรมราชโองการของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในปี พ.ศ. 2325 เพื่อใช้เป็นที่พำนักของบรรดาเชื้อพระวงศ์ ซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นที่ประกอบราชพิธีสำคัญต่างๆ และยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวได้เข้าชมอีกด้วย

4. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสระเกศ หรือวัดภูเขาทอง เป็นหนึ่งในวัดชื่อดังของกรุงเทพฯ แห่งเกาะรัตนโกสินทร์ และมีอายุเก่าแก้ย้อนไปถึงยุคอยุธยา ป้อมปราการและเจดีย์สีทองโดดเด่น ที่สูงร่วม 77 เมตร เริ่มต้นสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) และแล้วเสร็จในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โดย ณ ยอดของเจดีย์สีทอง เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาจากอินเดีย และในช่วงเทศกาลลอยกระทงในทุกๆ ปี พุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาจะนำผ้าสีแดงแห่ขึ้นบันไดทั้ง 344 ขั้น และพันรอบองค์เจดีย์ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

เมื่อเดินขึ้นบันไดมาสู่ฐานเจดีย์แล้ว ทุกท่านสามารถดื่มด่ำกับวิวอันงดงามของเกาะรัตนโกสินทร์ได้แบบ 360 องศา และยังสามารถมองเห็นพระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว รวมถึงสะพานพระราม 4 จากจุดนี้ได้อีกด้วย

5. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร

วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ในกรุงเทพฯ ที่สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2445 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ซึ่งได้รับการออกแบบโดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (พระอนุชาต่างมารดาของรัชกาลที่ 5) ด้วยการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบรัตนโกสินทร์และยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของอิตาลีเข้าไว้ด้วยกัน

วัดกรุงเทพฯ อันวิจิตรงดงามแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราชจำลอง ที่สร้างขึ้นโดยใช้ต้นแบบมาจากพระพุทธชินราชองค์จริงที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก

สัมผัสการเข้าพักระดับ 5 ดาว ณ โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น โรงแรมในเครือ IHG และชื่นชมความวิจิตรงดงามของวัดไทยในกรุงเทพฯ

จองห้องพักในกรุงเทพฯ ที่โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น โรงแรมในเครือ IHG และออกเดินทางสู่เกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อชื่นชมความงดงามของวัดเก่าแก่ในกรุงเทพฯ และสมบัติทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย พร้อมปิดท้ายทริป และผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในห้องพักสุดหรูทั้ง 393 ห้อง ตกแต่งในโทนสีน้ำเงินสุดเรียบหรู มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำรูฟท็อปที่ให้คุณได้ดื่มด่ำกับวิวเมืองกรุงเทพฯ แบบเต็มอิ่ม ฟิตเนสเซ็นเตอร์ 24 ชั่วโมง และการเดินทางอันแสนสะดวกสบายสู่เกาะรัตนโกสินทร์ จากรถไฟฟ้า BTS สถานีชิดลม (E1) สู่สถานีอโศก (E4) และเปลี่ยนสายไปนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสุขุมวิท (BL 21) ไปยังสถานีสนามไชย (BL 31)